รักษาการอธิบดี DSI นำทีมทลายแก๊งแอปเงินกู้ออนไลน์รายใหญ่ที่ชัยนาท ดอกเบี้ยโหด กว่า 2,000 % ต่อปี เบื้องต้นพบเงินหมุนเวียนหลักพันล้านบาท

1389 จำนวนผู้เข้าชม  | 

รักษาการอธิบดี DSI นำทีมทลายแก๊งแอปเงินกู้ออนไลน์รายใหญ่ที่ชัยนาท ดอกเบี้ยโหด กว่า 2,000 % ต่อปี เบื้องต้นพบเงินหมุนเวียนหลักพันล้านบาท

ตามที่กรมสอบสวนคดีพิเศษได้ทำการสืบสวนสอบสวนคดีพิเศษที่ 55/2566 กรณีแอปลิเคชั่นเงินกู้ส่วนบุคคลออนไลน์ “กู้ใด้ดีๆ” หรือ “ได้บาทง่าย ๆ - สินเชื่อด่วน” มีพฤติการณ์ปล่อยเงินกู้โดยไม่ได้รับอนุญาตผ่านช่องทางออนไลน์ และมีแอปพลิเคชั่นปล่อยเงินกู้ที่เกี่ยวข้องอีกกว่า 80 แอพพลิเคชั่น มีการปล่อยกู้และเรียกเก็บดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 2,339.65 บาท/ปี และกำหนดให้ชำระหนี้ภายใน 7 วันเท่านั้น หากไม่ชำระเงินภายในกำหนด จะมีกลุ่มบุคคลโทรศัพท์ติดตามทวงหนี้ ข่มขู่ คุกคามลูกหนี้และบุคคลที่ปรากฎรายชื่อในสมุดโทรศัพท์ของ ผู้กู้ ก่อให้เกิดความหวาดกลัว ซึ่งแอปพลิเคชั่นดังกล่าวพบว่าปัจจุบันมียอดการดาว์นโหลดมากกว่า 1,000,000 ครั้ง จนปรากฏข้อมูลน่าเชื่อว่านายชาญยุทธ (สงวนนามสกุล) และนางสาวกานติมา (สงวนนามสกุล) เป็นเจ้าของแอปพลิเคชั่นดังกล่าว ได้ใช้บัญชีเครือญาติและบัญชีม้าในการทำธุรกิจเงินกู้ออนไลน์ซึ่งมีเงินทุนหมุนเวียน หลักพันล้านบาท


วันนี้ (4 เมษายน 2567) พันตำรวจตรี ยุทธนา แพรดำ รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ รักษาราชการแทนอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ พันตำรวจตรี วรณัน ศรีล้ำ ผู้อำนวยการกองคดีธุรกิจการเงินนอกระบบ/โฆษกกรมสอบสวนคดีพิเศษ พร้อมด้วย นายอังศุเกติ์ วิสุทธิ์วัฒนศักดิ์ ผู้อำนวยการกองกิจการอำนวยความยุติธรรม และคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ ได้บูรณาการการทำงานร่วมกับเจ้าหน้าที่จากสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ และเจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรจังหวัดชัยนาท นำโดย พันตำรวจเอก นรากร บุญครอบ รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดชัยนาท เข้าทำการตรวจค้นตามหมายค้นของศาลจังหวัดชัยนาท เพื่อรวบรวมพยานหลักฐานในพื้นที่จังหวัดชัยนาท รวม 2 จุด ดังนี้
จุดที่ 1 บ้านพักของนายชาญยุทธ และนางสาวกานติมา อำเภอเมือง จังหวัดชัยนาท
จุดที่ 2 โรงสีวงษ์ชัยเจริญธัญญกิจ อำเภอเมือง จังหวัดชัยนาท ซึ่งเป็นสถานที่ทำงานของบุคคล ทั้งสอง และเคยปรากฏชื่อของนางสาวกานติมา เป็นกรรมการและผู้ถือหุ้น


ผลการตรวจค้น สามารถพบและยึดสิ่งของเป็นพยานหลักฐาน จำนวนหลายรายการ ประกอบด้วย ซิมโทรศัพท์เคลื่อนที่ทั้งที่ใช้แล้วและยังไม่ได้เปิดใช้ จำนวน 150 ชิ้น โทรศัพท์มือถือจำนวน 20 เครื่อง กล่องโทรศัพท์ จำนวน 70 กล่อง สมุดบัญชีเงินฝากจำนวน 120 เล่ม คอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะและโน้ตบุ๊กจำนวน 10 เครื่อง และเอกสารและไฟล์ดิจิทัลเกี่ยวกับการทำธุรกรรมและข้อมูลที่เกี่ยวข้องจำนวนมากจึงได้ตรวจยึดไว้เป็นพยานหลักฐานเพื่อตรวจสอบนอกจากนั้นยังตรวจพบว่ามีการเปิดตู้เซฟกับธนาคารแห่งหนึ่งในจังหวัดชัยนาทคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษจึงมีหนังสืออายัดตู้เซฟดังกล่าวเพื่อจะดำเนินการตรวจสอบต่อไป

Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้