1387 จำนวนผู้เข้าชม |
เมื่อวันที่ 29 มิ.ย.66นี้ ที่ห้องประชุมพาราไดซ์ โรงแรมไอเฟลอินน์ อำเภอเมืองระนอง จังหวัดระนอง นายราชัน มีน้อย รองผู้ว่าราชการจังหวัดระนอง เป็นประธานเปิด กิจกรรม “เจรจาธุรกิจ (Business Matching)” โครงการพัฒนาเศรษฐกิจสร้างมูลค่าเพื่อเชื่อมโยงการค้ากับกลุ่มประเทศ BIMSTEC และอาเซียน ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2566 ซึ่งจัดขึ้นโดยสำนักงานพาณิชย์จังหวัดระนอง โดยมี ภาครัฐ ภาคเอกชน ผู้ประกอบการทั้งในและต่างประเทศ เข้าร่วม
รายงานข่าวแจ้งว่า กิจกรรม “เจรจาธุรกิจ (Business Matching)” จัดขึ้นภายใต้ โครงการพัฒนาเศรษฐกิจสร้างมูลค่าเพื่อเชื่อมโยงการค้า กับกลุ่มประเทศ BIMSTEC และอาเซียน ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2566 เพื่อเสริมสร้างความเข้มแข็งและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันทางการค้าและการบริการ เพิ่มลู่ทางการค้าการลงทุนในกลุ่ม BIMSTEC และอาเซียน ตลอดจนเชื่อมโยงกับการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพในพื้นที่ชุมชน ซึ่งจะนำไปสู่การสร้างโอกาสด้านธุรกิจ ให้แก่ผู้ผลิต ผู้ประกอบการ ภาคเอกชน ของจังหวัดระนอง อีกทั้งเป็นการประชาสัมพันธ์สินค้าเด่นให้เป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลายมากยิ่งขึ้น
โดยการจัดกิจกรรมครั้งนี้ มีผู้ประกอบการจากจังหวัดระนอง และจังหวัดใกล้เคียง เข้าร่วมเจรจาธุรกิจ (Business Matching) จำนวน 25 ราย ใน 3 กลุ่ม สินค้า ประกอบด้วย กลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม 17 ราย, กลุ่มผ้าแฟชั่นและเครื่องประดับ 5 ราย , กลุ่มผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพและความงาม 3 ราย ในส่วนของผู้ประกอบการต่างประเทศที่เข้าร่วมเจรจาธุรกิจ จำนวน 27 ราย จาก 4 ประเทศ คือ สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา 20 ราย , ราชอาณาจักรกัมพูชา 1 ราย, มาเลเซีย 5 ราย และ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว 1 ราย
นายราชัน กล่าวว่า จังหวัดระนองเป็นจังหวัด ที่มีทรัพยากรธรรมชาติอุดมสมบูรณ์ มีทำเลที่ตั้งเป็นประตูสู่ทะเลอันดามัน เป็นจุดเชื่อมโยงระหว่างทะเลตะวันตก กับทะเลฝั่งตะวันออก มีชายแดนติดกับประเทศเมียนมาทั้งทางบกและทางน้ำ มีพืชเศรษฐกิจที่สำคัญ ได้แก่ ยางพารา ปาล์มน้ำมัน กาแฟ และภาคการประมงนอกจากนี้ จังหวัดระนอง ยังมีแหล่งท่องเที่ยงธรรมชาติเชิงสุขภาพที่สำคัญ ได้แก่ บ่อน้ำร้อนรักษะวาริน และบ่อน้ำร้อนพรรั้ง ซึ่งเป็นสถานที่ ที่ได้รับความนิยมจากแขกผู้มาเยี่ยมเยือนจังหวัดระนองเป็นอย่างมาก การจัดกิจกรรมในครั้งนี้ นับได้ว่าเป็นโอกาสอันดี ในการสร้างเครือข่ายทางการค้า และเปิดตลาดสินค้าของจังหวัดระนองและจังหวัดใกล้เคียงให้เป็นที่รู้จักของตลาดต่างประเทศเพิ่มขึ้น ซึ่งหวังเป็นอย่างยิ่งว่า ความร่วมมือนี้ จะยั่งยืนและขยายเติบโตอย่างมั่นคงต่อไป