1216 จำนวนผู้เข้าชม |
เมื่อเวลา 03.30 น. วันนี้ (1มิ.ย.) เจ้าพนักงานชุดปฏิบัติการพิเศษกรมการปกครอง นำโดย นายรณรงค์ ทิพย์ศิริ ผู้ตรวจราชการกรมการปกครอง ปฏิบัติหน้าที่ ผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการบังคับใช้กฎหมายพนักงานฝ่ายปกครอง พร้อมด้วย พนักงานฝ่ายปกครองส่วนกลาง และกำลังสมาชิกกองอาสารักษาดินแดน และ เจ้าหน้าที่ตำรวจสภ.กะทู้ นำโดย พ.ต.อ.รุ่งฤทธิ์ รัตนภักดี ผกก.สภ.กะทู้ บุกเข้าจับกุมสถานบริการชื่อดัง 2 แห่ง กลางเมืองกะทู้ “ราตรี คลับ” และ “มหานครภูเก็ต” ตั้งอยู่ริมถนนตรงแยกกะทู้ อ.กะทู้ จ.ภูเก็ต
ซึ่งปฏิบัติการจับกุมสถานบริการครั้งนี้สืบเนื่องจาก กรมการปกครองได้รับการร้องเรียนจากประชาชนในพื้นที่อำเภอกะทู้ จังหวัดภูเก็ต อยู่บ่อยครั้งว่า สถานบริการดังกล่าว เปิดให้บริการเกินกว่าเวลาที่กฎหมายกำหนด โดยเปิดบริการ ขายเหล้า ขายเบียร์ เล่นดนตรี มีนักเที่ยวหลายร้อยคนดื่มเมากันถึงเวลาเช้า ส่งเสียงดังรบกวนชาวบ้านเป็นเหตุให้ผู้ที่อาศัยอยู่ในบริเวณใกล้เคียงนอนไม่หลับได้รับความเดือดร้อนเป็นอย่างมาก ซึ่งสถานบริการทั้ง 2 แห่ง อยู่ตรงข้ามกันโดยมีถนนสายหลักคั่นไว้
กรมการปกครอง จึงได้ส่งพนักงานฝ่ายปกครอง (สายลับ) เข้าไปทำการสืบสวนและแสวงหาพยานหลักฐานด้วยการแฝงตัวเป็นนักเที่ยวเข้าไปใช้บริการสถานบริการดังกล่าว พบว่า สถานบริการทั้ง 2 แห่ง มีนักเที่ยวชาวไทยจำนวนมากนับร้อยคน มีการเล่นดนตรีสด สลับกับดีเจเปิดเพลง และขายอาหาร เครื่องดื่มแอลกอฮอล์เกินเวลาที่กฎหมายกำหนดทุกคืน
โดย “ราตรี คลับ” เปิดทำการถึงเวลาตี 4 ส่วน “มหานครภูเก็ต” เปิดทำการถึงเวลา 6 โมงเช้าทุกวัน หลังจากที่ “ราตรี คลับ” ปิดทำการแล้ว นักเที่ยวจะเดินข้ามถนนมาเที่ยวต่อที่ “มหานครภูเก็ต” ซึ่งตั้งอยู่ตรงข้ามกัน
ก่อนเข้าจับกุม พนักงานฝ่ายปกครอง (สายลับ) ได้แฝงตัวเป็นนักเที่ยวเข้าทำการสืบสวน เมื่อเวลา 02.30 น. ซึ่งเลยเวลาเปิดทำการแล้ว ก็พบว่าสถานบริการ “ราตรี คลับ” และ “มหานครภูเก็ต” ยังคงไม่มีทีท่าที่จะเช็คบิลปิดทำการแต่อย่างใด ดีเจยังเปิดเพลงและนักเที่ยวกำลังเต้นกันอยู่อย่างสนุกสนานตามจังหวะของเสียงดนตรีที่เร้าใจ นอกจากนี้ยังพบว่า สถานบริการทั้ง 2 แห่ง ยังคงจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เป็นปกติ แม้ว่าจะเลยเวลาจำหน่ายตามกฎหมายไปแล้วก็ตาม สายลับจึงให้สัญญาณแก่ชุดจับกุมเข้าดำเนินการตรวจสอบจับกุม พร้อมกันทั้งสองร้านทันที
เมื่อกำลังของเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมเดินทางมาถึงสถานบริการทั้ง 2 แห่ง พบว่า สถานบริการ “ราตรี คลับ” และ “มหานครภูเก็ต” ยังคงเปิดให้บริการตามปกติ โดยมีนักเที่ยวกว่าร้อยคน กำลังดื่มกินอยู่ภายใน ทันทีที่นักเที่ยวรู้ว่าถูกเจ้าหน้าที่เข้าปิดล้อม ภายในผับเกิดโกลาหลเล็กน้อย หลายคนพยายามจะหลบหนีทางบันไดหนีไฟด้านหลังร้าน แต่ถูกเจ้าหน้าที่ตรึงกำลังปิดประตูทางเข้าออกไว้ทุกด้าน เจ้าหน้าที่สั่งให้เปิดไฟแสงสว่าง ประกาศให้ทุกคนอยู่ในความสงบ ใช้เวลากว่า 15 นาที จึงควบคุมสถานการณ์ไว้ได้
ทั้งนี้ จากการตรวจสอบสถานบริการทั้ง 2 แห่งนี้ พบว่า เป็นสถานบริการที่ไม่มีใบอนุญาต และยังตั้งอยู่นอกโซนนิ่ง และยังปล่อยให้เยาวชนเข้าใช้บริการอีกด้วย
โดยพบเยาวชนอายุต่ำกว่า 20 ปี เข้าใช้บริการจำนวน 10 คน ซึ่งเป็นเด็กอายุ ระหว่าง 17 - 19 ปี
พนักงานฝ่ายปกครอง จึงได้จับกุมตัวเจ้าของร้านและร้องทุกข์กล่าวโทษให้ดำเนินคดีในฐานความผิด ดังนี้ร้าน “มหานครภูเก็ต” เปิดสถานบริการโดยไม่ได้รับอนุญาต, ขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในเวลาห้ามขาย, ขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ให้แก่บุคคลที่มีอายุต่ำกว่า 20 ปีบริบูรณ์, จำหน่ายสุราแก่เด็ก และยุยงส่งเสริมให้เด็กประพฤติตนไม่สมควร ส่วน ร้าน “ราตรี คลับ” เปิดสถานบริการโดยไม่ได้รับอนุญาต, ขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในเวลาห้ามขาย หลังจากนี้ พนักงานฝ่ายปกครองจะเสนอเรื่องให้ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต มีคำสั่งปิดสถานที่แห่งนี้ ตามคำสั่ง หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 22/2558 ต่อไป
นายรณรงค์ ทิพย์ศิริ ผู้ตรวจราชการกรมการปกครอง ปฏิบัติหน้าที่ ผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการบังคับใช้กฎหมายพนักงานฝ่ายปกครอง เปิดเผยว่า กรมการปกครอง ได้ดำเนินการกวดขัน จับกุม ปราบปราม สถานบริการที่ผิดกฎหมายอย่างจริงจังและต่อเนื่องมาโดยตลอด จึงขอฝากถึงผู้ประกอบการสถานบริการทั่วประเทศว่า ขอให้ท่านมีความรับผิดชอบต่อสังคม ไม่สร้างความเดือดร้อนแก่ประชาชนที่อยู่อาศัยในพื้นที่ โดยประกอบธุรกิจให้อยู่ภายใต้กรอบของกฎหมาย ไม่ฝ่าฝืนคำสั่ง คสช.ที่ 22/2558 และคำสั่ง คสช.ที่ 46/2559 ห้ามมิให้ผู้ประกอบกิจการสถานบริการหรือสถานประกอบการใดที่เปิดให้บริการในลักษณะที่คล้ายกับสถานบริการ กระทําการอย่างใดอย่างหนึ่ง ดังนี้ 1.ยินยอมหรือปล่อยปละละเลยให้ผู้มีอายุต่ำกว่า 20 ปีบริบูรณ์เข้าไปใช้บริการ 2.ขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แก่ผู้มีอายุต่ำกว่า 20 ปีบริบูรณ์ 3.เปิดทําการเกินกว่าเวลาตามที่มีกฎหมายบัญญัติ 4.ขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เกินกว่ากําหนดเวลาตามที่มีกฎหมายบัญญัติ 5.ยินยอมหรือปล่อยปละละเลยให้มีการพกพาอาวุธ วัตถุระเบิด หรือยาเสพติดเข้าไปในสถานที่ของตน 6.ยินยอมหรือปล่อยปละละเลยให้มีการกระทําความผิดฐานค้ามนุษย์ ในสถานที่ของตน 7.ยินยอมหรือปล่อยปละละเลยให้มีการเล่นการพนันในสถานที่ของตน 8.มีที่ตั้งบริเวณใกล้เคียงสถานศึกษา หรือหอพักในบริเวณใกล้เคียงสถานศึกษา