1502 จำนวนผู้เข้าชม |
เมื่อวันที่ 14 มีนาคม 2567 นี้ ที่สำนักงานการท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดภูเก็ต พ.ต.ต. ยุทธนา แพรดำ รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ รักษาราชการแทนอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ลงพื้นที่ติดตามการตรวจสอบธุรกิจที่เข้าข่ายนอมินีในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต โดยเฉพาะธุรกิจเกี่ยวเนื่องภาคการท่องเที่ยวและธุรกิจนำเที่ยว จำนวน 9 จุด และ 1 ใน 9 จุด คือ บริษัท อีเลเฟนท์ แซงชัวรี่ พาร์ค ภูเก็ต จำกัด และลงพื้นที่ตรวจสอบการถือครองเอกสารสิทธิ์และการเชื่อมโยงธุรกิจวิลล่า ที่ หาดยามู ตำบลป่าคลอก อำเภอถลาง โดยทุกจุดเข้าร่วมตรวจสอบกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งกรมธุรกิจการค้า กรมท่องเที่ยว ตำรวจท่องเที่ยว และ ตม.
พ.ต.ต. ยุทธนา แพรดำ รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ รักษาราชการแทนอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ กล่าวว่า การตรวจสอบเกี่ยวการทำธุรกิจของคนต่างด้าว ที่นอกจากจะดูเอกสารการจดทะเบียน ที่ต่างชาติจะต้องถือหุ้นร้อยละ 49 และอีกร้อยละ 51 เป็นคนไทยแล้วนั้น จะต้องตรวจสอบคนไทยที่ถือหุ้นด้วยว่าเข้าข่ายนอมินีหรือไม่อย่างไร เพราะต้องชี้ชัดในการประกอบธุรกิจ ซึ่งจะต้องดูถึงเอกสารการเงิน การครอบงำกิจการและอีกหลายส่วนมาประกอบกัน เพราะถือเป็นธุรกิจที่หวงห้ามไว้สำหรับคนไทย แต่ปัจจุบันชาวต่างชาติเข้ามาประกอบธุรกิจมากขึ้น ทำให้มูลค่าสินค้าและบริการมีมูลค่าสูงขึ้น อาจจะส่งกระทบกับคนไทยได้ จึงถือเป็นหน้าที่ของ DSI ตามกฎหมายว่าด้วยคดีพิเศษ
อย่างไรก็ตาม การลงพื้นที่ในครั้งนี้ เป็นการบูรณาการหน่วยงานต่างๆตามข้อกฎหมายของแต่ละหน่วย เพื่อตรวจสอบและดำเนินการตามกระบวนการกฎหมาย ต่อไป
รายงาข่าวแจ้งว่า หลังจากนั้น คณะได้เดินทางลงพื้นที่แหลมยามู ดูสภาพพื้นที่จริง ซึ่งคณะเจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ ส่วนล่วงหน้า ได้รายงานคณะว่า พื้นที่เดิมเป็น สค.1 ซึ่งเป็นของชาวบ้านรายหนึ่ง จำนวน เนื้อที่ ประมาณ 63 ไร่ และมีการออก เอกสารสิทธิ์เป็น น.ส.3 เป็นเนื้อที่ประมาณ 98 ไร่ในเวลาต่อมาได้ขายที่ดินแปลงดังกล่าวให้กับ นายทุนทายาทนายเหมืองแร่ดีบุกชื่อดังของจังหวัดภูเก็ตรายหนึ่ง และมีการดำเนินการออกเป็น น.ส.3 ก.และมีเนื้อที่เพิ่มขึ้นอีกเป็นจำนวน ประมาณ 106 ไร่ ซึ่งเจ้าหน้าที่ที่ดำเนินการออกเอกสารสิทธิ์ เป็นรายเดียวกับ ผู้ที่ออก เอกสารสิทธิ์ น.ส.3 ก. ทับที่ดินเกาะนาคาน้อย ซึ่งปัจจุบันนี้อยู่ระหว่างการต่อสู้คดี เนื่องจาก สำนักงานคณะกรรมการป้องกันการทุจริตแห่งชาติชี้มูลความผิดและส่งอัยการสูงสุดฟ้องเอาผิดทางอาญา และสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน ได้ยึดอายัดทรัพย์ ซึ่งปัจจุบันที่ดินแหลมยามูได้แบ่งขายให้ชาวต่างชาติ และมีการออกเอกสารสิทธิ์เป็นโฉนดที่ดินแล้วจำนวนหนึ่ง